วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

กระต่ายพันธุ์ คาลิฟอร์เนีย (Californian Breed)




กระต่ายพันธุ์ คาลิฟอร์เนีย (Californian Breed) เป็นกระต่ายสีขาว มีสีดำหรือเทาที่บริเวณใบหู จมูกเท้า ปลายเท้า และปลายหาง ตาสีชมพู เป็นกระต่ายขนาดกลางโตเต็มที่หนัก 3.5-4.5 กิโลกรัม แคลิฟอร์เนียสายพันธุ์ของกระต่ายในประเทศ ได้รับการพัฒนา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1920 โดยจอร์จเวสต์ กระต่ายแคลิฟอร์เนียเป็นสายพันธ์การผลิตเนื้อสัตว์ เป็นที่นิยมอันดับสองมากที่สุดในโลก คุณภาพขนสัตว์จะช่วยให้กระต่ายนี้ยังจะจัดว่าเป็นสายพันธุ์แฟนซี

กระต่ายพันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์ (Newzealand White)


กระต่ายพันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์ (Newzealand White) เป็นกระต่ายที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายที่สุด มีขนสีขาวตลอดตัว ตาสีแดงหน้าสั้น มีสะโพกใหญ่ ไหล่กว้าง ส่วนหลังและสีข้างใหญ่ เนื้อเต็ม ให้ลูกดกเลี้ยงลูกเก่ง เมื่อโตเต็มที่ ตัวผู้หนัก 4.1-5.0 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 4.5-5.5 กิโลกรัม


กระต่ายพันธุ์ มินิเร็กซ์ (Minirex)


กระต่ายพันธุ์ มินิเร็กซ์ (Minirex) มีมากมายหลายเฉดสี เช่น blue, californian, castor, chinchilla, lynx, opal, red, seal, tortoise, white and broken group.ขนาด 1.4- 2 กิโลกรัม เป็นสายพันธ์ที่ได้รับการยอมรับ รับเข้า ARBA เมื่อปี 1988 กระต่าย สายพันธุ์ มินิเร็กซ์ เป็นกระต่ายที่มีโครงสร้างสมดุลและได้สัดส่วน ร่างกายของมันกะทัดรัด มีความกว้างสมดุลกับความยาว ช่วงไหล่ ลำตัว และบั้นท้าย ทุกอย่างพัฒนามาอย่างดี หัวไหลแคบกว่าบั้นท้่้ายเล็กน้อย ทำให้ตัวค่อยๆ เรียวลง หัวของตัวเมีย ค่อยข้างเรียบ กว่า หัวของตัวผู้ ขนในอุดมคติต้องยาว 1.6 ซม. ขนควรตรงและเป็นมัน มีการ์ดแฮร์จำนวนมาก ขนชั้นนอก ให้ความรู้สึกนุ่ม และสปริงตัว

กระต่ายพันธุ์ วู๊ดดี้ ทอย(woody toy)


กระต่ายพันธุ์ วู๊ดดี้ ทอย(woody toy)วู๊ดดี้ ทอย (Woody Toy)อ่านชื่อแล้วเพื่อนๆ อาจจะเกิดอาการมึน เล็กน้อย อันที่จริงแล้ว Woody Toy ชื่อฟังดูมีคำว่า วู๊ดดี้ เหมือนกัน ก็น่าจะคล้ายกับ เจอรี่ วู๊ดดี้ แต่ไม่ใช่ กระต่ายพันธุ์วูดดี้ ทอย นี้จะคล้ายกับ Teddy Bear มากกว่า เพราะว่า พัฒนาสายพันธุ์ต่อจาก Teddy Bear โดยทำให้มีขนาดเล็กลงไปอีก มองแล้วคล้ายกับเอา Teddy Bear มาหดให้เล็กลง เพราะว่า หน้าตาคล้ายกับ Teddy Bear เลย ลักษณะคือ หน้าตาจะเหมือน Teddy Bear เลย แต่หูจะสั้นกว่า มองเห็นคล้าย รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า และเมื่อโตเต็มที่แล้วตัวจะเล็กกว่า Teddy Bear

กระต่ายพันธุ์ เท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear )


กระต่ายพันธุ์ เท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear )Teddy หรือ Teddy Bear เป็นกระต่ายที่เป็นลูกผสมเช่นกัน และได้พัฒนาสายพันธุ์กันมาต่อจาก เจอรี่ วู๊ดดี้ จนค่อนข้างนิ่งในเมืองไทย กระต่ายพันธุ์นี้ จะนิยมเลี้ยงกันมาก เพราะว่า รูปร่างน่ารัก ตัวจะกลมฟู ขนจะฟูยาวประมาณ 4-5 นิ้ว

กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit )


กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit ) เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม กระต่ายแองโกล่าเป็นกระต่ายสายพันธุ์เก่าแก่ มีต้นกำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า ( Ankara ) ประเทศตรุกี ( Turkey ) เช่นเดียวกับ แมวแองโกล่า และแพะแองโกล่า กระต่ายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศลในยุคกลาง ปี ค.ศ.1700 และเข้ามาในอเมริกาประมาณปี 1900 กระต่ายแองโกล่าแบ่งออกได้เป็น 5 สายพันธุ์ เป็นกระต่ายพันธุ์ขน ชื่อพันธุ์ได้มาจากเมืองแองโกล่า ในตุรกี ขนสีขาวฟูประมาณ 2-3 นิ้ว นิยมตัดมาประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย สามารถตัดขนได้ปีละ 4 ครั้ง ให้ขนเฉลี่ยปีละ 600-1750 กรัม โตเต็มที่หนัก 2.4-3.8 กิโลกรัม


กระต่ายพันธุ์ไลอ้อน-เฮด (Lion heads)


กระต่ายพันธุ์ไลอ้อน-เฮด (Lion heads)เป็นกระต่ายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเป็น พันธุ์ แฟนซี กล่าวกันว่าต้นกำเนิดอยู๋ ในประเทศเบลเยี่ยม ผู้เพาะพันธุ์กระต่าย พยายามเพาะกระต่ายพันธุ์ดวอร์ฟโค้ท ขนยาว (long Coated Dwarf) ซึ่งมีลักษณะแคระขนยาว โดยข้ามสายพันธุ์ระหว่างกระต่ายพันธุ์สวิส ฟอกซ์เล็ก ผสมกับ กระต่ายพันธุ์เบลเยี่ยมแคระ หรือ ในบางครั้งก็ผสมกับ วู๊ดดี้เจอร์ซี่ กระต่ายพันธุ์ไลอ้อน-เฮด (ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ในการพยายามผสม ข้ามสาย พันธุ์ข้างต้น) ในที่สุดก็กลายเป็นสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยมมาก กว่ากระต่ายสายพันธุ์ดวอร์ฟโค้ทขนยาว

ฮอลแลนด์ ลอป Holland Lop


ฮอลแลนด์ ลอป Holland Lopเป็นการผสมพันธุ์กระต่ายเฟรนช์ลอป กับ กระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟ กระต่ายต้นแบบ ฮอลแลนด์ลอปได้ถือกำเนิดมาที่น้ำหนักประมาณ ถึง 3 กิโลกรัม ในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1964 หรือ พ.ศ. 2507 กระต่ายแคระหูตก ฮอลแลนด์ ก็ได้รับการรับรอง มาตรฐานสายพันธุ์ จากสภากระต่าย แห่งประเทศ เนเธอร์แลนด์ ที่น้ำหนักตัวน้อยกว่าสองกิโลกรัม กระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอปจัดว่าเป็นกระต่ายกลุ่มหูตกที่มีขนาดเล็กที่สุด เพราะว่าเมื่อดูจากประวัติของสายพันธุ์ ก็มาจาก กระต่ายแคระเนเธอร์แลนด์ดวอฟ
กระต่ายสายพันธุ์นี้ มีลักษณะเด่นที่หัวกลมโต แลดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา มีน้ำหนักน้อยและลำตัวสั้น ซึ่งแตกต่างจากกระต่ายโดยทั่วไป จึงทำให้เป็นกระต่ายที่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันในขณะนี้ กระต่ายฮอลแลนด์ลอป มีสีมากมาย หลาก หลายสี จนสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่างๆ ได้มากถึง 7 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มอะกูติ (Agouti) กลุ่มสีขาวแต้ม (Broken)กลุ่มสีขาว มีมาร์กกิ้งแปดแต้ม (Pointed White) กลุ่มสีพื้น (Self) กลุ่มสีเฉด (Shaded) กลุ่มสีพิเศษ (Ticked) และกลุ่มสีอื่นๆ (Wide Band)


อเมริกันฟัซซี่ลอป American Fuzzy Lo


อเมริกันฟัซซี่ลอป American Fuzzy Lop ต้นกำเนิดของอเมริกันฟัซซี่ลอป มาจากการ ผ่าเหล่า ของฮอลแลนด์ลอป หรืออีกกระแสหนึ่งเล่าว่า กระต่ายสายพันธุ์นี้เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ ระหว่าง ฮอลแลนด์ลอปที่ลักษณะขน เป็นแบบอังโกร่า ในกลุ่มนักพัฒนา สายพันธุ์กระต่าย ทางฝากตะวันตก ของ สหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ถูกขายไปยังฝั่งตะวันออก ลูกที่เกิดมาก็ยังมีขนที่ยาว เหมือนอังโกร่า เมื่อผสมลูกเหล่านี้ รุ่นหลาน ก็ยังปรากฏเป็นกระต่ายหูตกขนยาวอยู่ตลอดมา
เป็นกระต่ายขนาดเล็ก (Compact Type) จัดอยู่ในกลุ่มกระต่ายแคระ มีลักษณะเด่นคือ มีหูตกสวยงามและมีขนที่ยาวสลวย ลักษณะ เด่นอื่นๆ ของสายพันธุ์กระต่ายหูตกอเมริกันฟัซซี่ลอป ก็คือ มีลำตัวสั้น กะทัดรัด หัวมีลักษณะกลม ขนาดใหญ่หนา และกว้างจากฐาน ของหูทั้งสองข้าง หูที่หนา และแบน หูยิ่งสั้นยิ่งถือว่ามีลักษณะที่ดี เพราะว่าเป็นการแสดงถึงลักษณะ ของกระต่ายแคระ หูจะต้องตก แนบข้างแก้ม หัวโตใหญ่ ต่อติดกับหัวไหล่ เหมือนไม่มีคอ หัวและหูปกคลุมด้วยขนธรรมดา ที่ไม่ใช่ขนยาว ขนที่หน้า สามารถตัดแต่ง ได้ตามความเหมาะสมและสวยงาม ขาหลังมีขนธรรมดา ฝ่าเท้าหนาและหนัก สายพันธุ์ที่ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ เมื่อเติบโตเต็มที่ แล้ว น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ในอุดมคติคือ 1.6 กิโลกรัม (สำหรับตัวผู้) และ 1.7 กิโลกรัม (ในตัวเมีย) กระต่ายสายพันธุ์ อเมริกันฟัซซี่ลอป มีกลุ่มสีถึง 6 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Group) กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Group)กลุ่มสีเฉด (Shaded Group)กลุ่มสีขาวมีแปดแต้ม (Pointed White Group) กลุ่มขาวลายแต้มสีต่างๆ (Broken Group) กลุ่มสีอื่นๆ (Wide Band Group)


เนเธอร์แลนด์ดวอฟ Netherland Dwarf



เนเธอร์แลนด์ดวอฟ Netherland Dwarf ในปี ค.ศ. 1948 หรือ พ.ศ. 2491 ถือได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้น ของกระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟ เนื่องจากกระต่ายสายพันธุ์นี้ได้ถูกนำเข้าไปยังสหราชอาณาจักรอังกฤษ โดย นักพัฒนาสายพันธุ์กระต่าย และในปี ค.ศ. 1969 หรือ พ.ศ. 2512 กระต่ายสายพันธุ์นี้ ได้รับความนิยมใน สหรัฐ อเมริกา จนได้รับการยอมรับจากสมาคมนักพัฒนาพันธุ์กระต่ายแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ARBA โดยมีการปรับปรุง ข้อกำหนด ของรายละเอียดมาตรฐานสายพันธุ์จาก ของสภากระต่ายแห่งสหราชอาณาจักรเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ในอุดมคติคือ 0.9 กิโลกรัม กระต่ายสายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ดวอฟเป็นกระต่ายที่จัดได้ว่า มีสีให้เลือก ได้มาก ที่สุดในบรรดากระต่ายสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งหมดที่มี คือ สามารถแบ่งได้ เป็น 5 กลุ่มสี และมีสีหรือลักษณะสีย่อยๆ อีกกว่า 24 สี สีตาม มาตรฐานที่สมาคมพัฒนาพันธุ์ กระต่ายแห่ง สหรัฐอเมริกา หรือ ARBA กำหนดให้มีการประกวด ในกระต่ายสายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ มีกลุ่มสีถึง 5 กลุ่มสี คือ กลุ่มสีพื้น (Self Varieties) กลุ่มสีเฉด (Shaded Varieties) กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Varieties) กลุ่มแทน หรือกลุ่มมีสร้อย (Tan Varieties) กลุ่มสร้อยทอง (Otter) กลุ่มสร้อยเงิน (Silver Marten) กลุ่มสร้อยนาค (Tans)สี ทองแดงสร้อยเงิน (Sable Marten) สีเทาควันบุหรี่สร้อยเงิน (Smoke Pearl Marten)